เรื่องเล่า อึ่งฟุ้ง

หลายร้อยปีก่อน ในไต้หวันมีชาวเขาเผ่าหนึ่ง เขามีประเพณีที่ไม่ดีอยู่อย่างหนึ่งคือ ทุกปี ชาวเขาที่นี่ต้องไปฆ่าคน เพื่อเอาหัวคนไปบวงสรวงเทวดา เพื่อขอให้ฝนตกต้องตามฤดูกาล (ตามความต้องการของประชาชน) ทำให้ชาวบ้านมีความสุข สุขภาพสมบูรณ์แข็งแรง เวลานั้นมีคนหนึ่งเป็นชาวฮั่น ชื่อว่า อึ่งฟุ่ง ทางการได้ส่งเขาไปเป็นนายอำเภอที่ชาวเขากลุ่มนี้อยู่ ชาวเขาก็ไม่ยอมให้ความร่วมมือกับนายอำเภอคนนี้ คอยสร้างปัญหาความเดือดร้อนให้เสมอๆ อึ่งฟุ่งก็มีความตั้งใจที่จะช่วยเหลือชาวเขาเผ่านี้ ให้ยกเลิกประเพณีการฆ่าคนเพื่อเอาหัวไปบูชา ซึ่งเป็นพฤติกรรมที่ไม่ดี หลังจากที่อึ่งฟุ่งเป็นนายอำเภอแล้ว หลังจากที่เขาทำภาระกิจของราชการเสร็จแล้ว ก็จะแบกถุงยาไปหาชาวเขาที่มีคนไม่สบาย แล้วก็ช่วยรักษาโรคให้พร้อมทั้งแจกยาด้วย เพราะว่าเขาเป็นหมอที่เชี่ยวชาญ คนที่ได้รับการรักษาจากเขาก็มักหายเป็นปกติ นอกจากนี้ อึ่งฟุ่งก็ยังไปแจกข้าวสาร เสื้อผ้าให้กับคนจนบ่อยๆ แล้วยังสอนชาวเขาให้เพาะปลูก สร้างลำธาร ร่องน้ำ และเขื่อนกักเก็บน้ำ ทำให้ชาวเขาได้รับประโยชน์มากมาย หลังจากนั้นเขาก็ได้รับการยกย่องและเคารพจากชาวเขา และนับถืออึ่งฟุ่งว่าเป็นคนที่มีบุญคุณต่อพวกเขา อึ่งฟุ่งก็เห็นว่า โอกาสอันดีมาถึงแล้ว มีวันหนึ่ง เขาก็เรียกหัวหน้าชาวเขาทั้งหลายมาประชุม เพื่อขอร้องพวกเขาว่า ให้ยกเลิกการฆ่าคนเพื่อเอาหัวไปบูชาเทวดาเสีย พวกหัวหน้าชาวเขาก็ไม่ยินยอม เพราะเขาบอกว่า ประเพณีนี้ได้รับการถ่ายทอดมาเป็นเวลาเป็นพันปีแล้ว เปลี่ยนแปลงไม่ได้ อึ่งฟุ่งก็ไม่มีทางเลือก ไม่สามารถทำให้ชาวเขายกเลิกประเพณีนี้ได้ ก็เลยเกลี้ยกล่อมให้หัวหน้าชาวเขาทำสัญญาว่า ปีนี้จะเป็นปีสุดท้ายของการฆ่าคนเพื่อเอาหัวไปบูชา และอึ่งฟุ่งก็บอกกับพวกเขาว่า พรุ่งนี้เช้าตรู่จะมีคนใส่เสื้อแดงขี่ม้าผ่านมาในหมู่บ้านนี้ พวกคุณสามารถฆ่าคนนี้ไปบูชาได้ พวกชาวเขาก็เชื่ออึ่งฟุ่ง และคิดว่าอึ่งฟุ่งเป็นคนวิเศษที่รู้เหตุการณ์ล่วงหน้าได้ ก็ทำตามที่อึ่งฟุ่งสั่ง หลังจากนั้น รุ่งเช้าก็เห็นคนใส่เสื้อแดงขี่ม้าผ่านมาในหมู่บ้านจริงๆ ชาวเขาก็ใช้ธนูไปฆ่าคนที่ขี่ม้าตาย ชาวเขาก็วิ่งไปดูพบว่าคนที่เขาฆ่าก็คือ อึ่งฟุ่งนั่นเอง ชาวเขาก็เสียใจมาก ร้องไห้ใหญ่ หลังจากนั้นก็ยกเลิกประเพณีที่ฆ่าคนเพื่อเอาหัวไปบูชาเทวดานั้นไป เพื่อระลึกถึงผู้ที่ยิ่งใหญ่คนนี้ ชาวเขาก็สร้างเจดีย์ที่มีรูปปั้นอึ่งฟุ้งเพื่อบูชาจนถึงทุกวันนี้ก็ยังมีคนไปบูชาอยู่ไม่ขาด