เพลงกล่อมเด็กภาษาตากใบ 'ค้างคาวปากแหว่ง' : Tak Bai Lullaby 'A Harelip Bat'
เพลงค้างคาวปากแหว่ง เป็นเพลงที่ใช้ภาษาภาพพจน์ (figure of speech) แบบบรรยายจินตภาพ (imagery) นั่นคือเล่าถึง คน สัตว์ สิ่งของ และสถานที่ โดยผ่านประสบการณ์ธรรมชาติ เช่น ในเพลงนี้จะเริ่มด้วยคำเลียนเสียงธรรมชาติ (onomatopoeia) “กึแช่ง.. กึแช่ง..” ซึ่งเป็นเสียงที่เกิดจากการไกวเปลกล่อมลูกนั่นเอง ถัดมาเพลงก็พูดบรรยายถึงค้างคาวตัวเมียปากแหว่งตัวหนึ่งที่ต้องเลี้ยงลูกตามลำพัง มันต้องเจอความยากลำบากสะดุดมูลของหมู หรือหญ้าแพรกจนล้ม ในเพลงมีการใช้คำเก่าที่ในชุมชนไม่ค่อยพูดกันแล้วคำหนึ่งคือ “ทำเนา” แปลว่า “มันไม่เป็นไร, ช่างมันเถอะ” ซึ่งเป็นการพูดปลอบใจหลังจากที่แม่ค้างคาวต้องมาปากแหว่ง เพราะต้องอุ้มลูก และสะดุดล้มเป็นแผลนั่นเอง เพลงนี้อาจจะกล่าวถึงความลำบากของคนแม่ที่ต้องดูแลลูก กล่อมลูกจนหลับในตอนบ่าย หลังจากในตอนเช้าได้ทำสวนหรือทำนามาอย่างหนักแล้วก็ตาม ซึ่งในด้านของการร้อยเรียงคำเหล่านี้ สิ่งที่เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกิดภาษาภาพพจน์เช่นนี้ คือ เสียงสัมผัส (rhyme) ที่เรียงต่อไปเรื่อย ๆ ประกอบเป็น ฉันทลักษณ์ ที่เพลงกล่อมเด็กในภาษาไทสำเนียงตากใบส่วนใหญ่ ดังที่ได้กล่าวไว้ในการศึกษาของ สุภาพร ฉิมหนู (2561) ไว้ว่า มีลักษณะเป็นร่ายยาว 4-5 พยางค์ (ในการบันทึกครั้งนี้มีบางวรรคมีจำนวน 4-7 พยางค์ด้วยได้เช่นกัน) และคล้ายเพลงชาน้อง (เรียกกันโดยภาษาไทยปักษ์ใต้) และคล้ายกาพย์ยานีนั่นเอง
งานวิจัยที่น่าสนใจเกี่ยวกับเพลงกล่อมเด็กภาษาไทสำเนียงตากใบ:
- วิทยานิพนธ์ระดับมหาบัณฑิตเรื่อง “การศึกษาเพลงกล่อมเด็กภาคใต้สำเนียงเจ๊ะเห (ตากใบ-ตุมปัต)” โดย สุภาพร ฉิมหนู (2561) สาขาวิชาดนตรีวิทยา วิทยาลัยดุริยางคศิลป์ มหาวิทยาลัยมหิดล
- "ภูมิปัญญาทางภาษาจากเพลงกล่อมเด็ก อ.ตากใบ จ.นราธิวาส" โดย พรพันธุ์ เขมคุณาศัย คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยทักษิณ จากงานวิจัยเรื่องการศึกษาภูมิปัญญาชาวบ้าน อำเภอตากใบ จังหวัดนราธิวาส ซึ่งได้รับทุนอุดหนุนจากสำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ ประจำปี 2539
หมู่บ้านตอหลัง หมู่ที่ 3 ตำบลไพรวัน อำเภอตากใบ จังหวัดนราธิวาส